
มี 4 ภาค คือ
- มายาไฟในดวงตา พิมพ์ครั้งแรก สนพ.อรุณ ปี พ.ศ. 2556
353 หน้า
- โมรารัตติกาล พิมพ์ครั้งแรก สนพ.อรุณ ปี พ.ศ. 2557
431 หน้า
- มงกุฎอัคคี สนพ.เก้าหาง ปี พ.ศ. 2559
384 หน้า
- มณีแห่งนิรันดร์ สนพ.เก้าหาง ปี พ.ศ. 2560
421 หน้า
มายาไฟในดวงตา
ก่อนหน้านี้ ภาคนี้เป็นปฐมบทของหนังสือชุด”มนตราอัญมณี” ที่นักเขียนเขียนร่วมกับนักเขียนท่านอื่นอีก 2 คน เป็นเรื่องที่เปิดตัวได้อลังการและตื่นตาตื่นใจดี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่สาวคนโตที่ได้พลอยตาเสือเป็นมรดกจากย่าที่เพิ่งเสียชีวิตไป เป็นตัวละครที่เป็นสาวสวยที่แกร่งและแข็งกว่าน้องสาวอีก 2 คน และต้องผจญภัยไปถึงป่าดงพญาไฟ แต่กลับพบเจอกับอุปสรรคหนุ่มหล่อที่ใช่เสน่ห์หลอกล่อเพื่อพยายามแย่งชิงพลอยของเธอไป
จัดเป็นเรื่องเล่าที่ตื่นเต้นและลุ้นระทึกได้กำลังดี พล็อตซับซ้อนและเล่าเรื่องได้น่าสนใจ ฝ่ายคู่พระนางก็ถึงเนื้อถึงตัวกันแบบหอมปากหอมคอ ตัวร้ายก็ร้ายได้สุดดี แต่ตอนอ่านครั้งแรกรู้สึกว่ามันจบแบบค้างๆคาๆ เหมือนทิ้งปมไว้เพื่อจะทำภาคต่อ แต่ตอนไปอ่านเล่ม 2 กับ 3 ของชุดมนตราฯ ก็ไม่เห็นจับอะไรตรงจุดนี้มาเล่น จนหลังจากที่นักเขียนเขียนเรื่อง “โมรารัตติกาล” ต่อ จึงเข้าใจว่าทิ้งปมไว้เพื่อมาต่อในเรื่องนี้นั่นเอง (และกลายเป็นซีรี่ส์ “อัญมณีแห่งไฟ” อีกที)
ให้คะแนน 7/10 ค่ะ
✠
โมรารัตติกาล
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของชุด”อัญมณีเหนือกาล” ที่เป็นภาคต่อของหนังสือชุด”มนตราอัญมณี” และเป็นภาคสองของชุด”อัญมณีแห่งไฟ” (งงไปหมด หลายชุดเหลือเกิน) ซึ่งยังคงเป็นการเปิดเรื่องราวในชุดได้ประทับใจมาก ซึ่งเนื้อเรื่องยังคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของตระกูลเมห์ฮรา ที่คราวนี้พลิกฝั่งให้ตัวเอกคือตัว(โคตร)ร้ายจากภาคที่แล้ว ซึ่งเราว่าเป็นการท้าทายความสามารถของผู้เขียนมาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ตัวละครที่แสนร้ายกาจตัวหนึ่ง กลายมาเป็นพระเอกที่คนอ่านจะยอมรับได้และโดยที่จะต้องคงบุคลิกลักษณะความร้ายของตัวละครไว้ได้ด้วย หรือถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องเป็นไปแบบสมเหตุสมผลและใช้เวลาพอสมควร ซึ่งสำหรับเราแล้ว ขอบอกว่าผู้เขียนตอบโจทย์ความท้าทายจุดนี้ได้ดีค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทของตัวละครอื่นๆก็ล้วนมีสีสันที่น่าติดตามและชวนให้ประทับใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นตัวนางเอกที่มีตำนานราศีที่สิบสามมาเพิ่มความน่าสนใจ หรือเรื่องราวการผจญภัยและความรักของคู่รองอย่างพ่อเสือดำ (ลูกชายคนกลางของพระเอกภาคแรก) ที่ทำให้คนอ่านมองเห็นพัฒนาการทั้งด้านอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร และยังได้ลุ้นไปกับความรักที่แสนจะน่าตื่นเต้นของเขา รวมถึงตัวละครที่เราชอบที่สุด อย่าง “มิตร” คนที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของเรื่อง คนที่ผ่านความร้อนและหนาว ผ่านความสุขและความเศร้า ผ่านกาลเวลา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมถึงเป็นคนที่เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบให้กับเรื่องราวที่ดูวนเวียนเป็นวัฎจักร สุดท้ายแล้ว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับนิยายเรื่องนี้ คือ “พล็อต” ค่ะ ผู้เขียนวางพล็อตได้ละเอียดและน่าทึ่งมากค่ะ ประเด็นและเงื่อนปมต่างๆนั้นมีการผูก จับวาง และคลายปมได้ดีมากโดยเฉพาะเมื่อต้องเล่นกับเรื่องของกาลเวลา จนคนอ่านเองไม่กล้าแม้แต่จะอ่านข้ามบรรทัดเพราะกลัวจะหลุดเรื่องราวอะไรบางอย่างไป เป็นเรื่องที่เนื้อหาอัดแน่นและเต็มไปด้วยพล็อตย่อยต่างๆที่ชิงกันโดดเด่น แบบที่พล็อตหลักเองก็ยังคงอยู่และไม่ถูกกลืนหายไป อ่านจบแล้วก็ยังนึกสงสัยว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ มันถูกอัดไว้ในจำนวนหน้า 431 หน้าแค่นั้นจริงๆหรือ
ให้คะแนน 10/10 ค่ะ
✠
มงกุฎอัคคี
ไม่นึกว่านักเขียนจะสามารถย้อนเรื่องราวปฐมบทของชุดอัญมณีแห่งไฟไปได้ไกลถึงอาณาจักรคามา ที่ดูเหมือนจะย้อนไปในอดีตอันแสนไกลก่อนที่จะถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน”มายาไฟในดวงตา”ที่เป็นภาคแรกของหนังสือชุดนี้มากนัก ซึ่งหากได้อ่านเรื่องราวมาก่อนหน้า ก็จะจำได้กับเด็กชายอัจฉริยะขาพิการ ที่เป็นตัวละครประกอบในเรื่องนั้น และได้กลายมาเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้ แต่หากไม่ได้อ่านมาก่อน ก็คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา เพราะเรื่องราวอ้างอิงกันเพียงเล็กน้อยค่ะ
การร้อยเรียงไทม์ไลน์แบบตัดไปตัดมา การกล่าวถึงวัตถุสำคัญที่มาแบบทีเซอร์เรียกน้ำย่อยผลุบๆโผล่ๆ ชวนให้มึนงงกว่าการขาดเรื่องราวอ้างอิงในภาคก่อนหน้ามากนัก (ในกรณีที่ยังไม่ได้อ่านหรืออ่านและลืมแล้ว) แต่ก็ทำให้เป็นจุดเด่นที่ทำให้เราต้องอ่านรายละเอียดให้ครบเพื่อไม่ให้พลาดจุดสำคัญ ถือเป็นทั้งจุดดีและจุดเสียในการเล่าเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังออกมาเป็นเรื่องราวที่จินตนาการไปได้ไกลมาก ความซับซ้อนของพล็อตยังคงน่าทึ่ง และตัวละครแข็งแรงมีสีสันทุกตัว ยิ่งท่านราชครูที่เป็นตัวละครหลักนั้นถือเป็นตัวเดินเรื่องที่โดดเด่นและแข็งแกร่งจริงๆ จนบางครั้งก็แอบอยากซาดิสม์ให้นักเขียนจบแบบตัดสองบทสุดท้ายออกไปเลยดีมั้ย แต่เดี๋ยวนักเขียนอาจโดนนักอ่านท่านอื่นฆ่าเอา จบแบบที่เป็นก็สมบูรณ์ดีค่ะ
ให้คะแนน 8/10 ค่ะ
✠
มณีแห่งนิรันดร์
ภาคสี่จากหนังสือชุดอัญมณีแห่งไฟ เป็นเรื่องของลูกชายคนโตที่นักอ่านที่ได้อ่านกันมาตั้งแต่ภาคแรกตั้งตารอ เพราะเป็นชายหนุ่มคาแร็คเตอร์เย็นชาและแอบโหด จนมีแต่คนสงสัยว่าเรื่องราวความรักของพ่อหนุ่มที่มีร่างแปลงเป็นเสือขาวลาดพาดกลอนคนนี้ จะดุเด็ดเผ็ดมันขนาดไหน ซึ่งนักเขียนก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย บทจะมีความรักขึ้นมา พ่อหนุ่มก็มีผู้หญิงเดินหน้าเข้ามาแบบมีอิทธิพลต่อชีวิตของเขาทีเดียว 2-3 คน แถมแต่ละคนยังมีที่มาที่ไปน่าทึ่งไม่ใช่น้อย
วิธีการเล่าในภาคนี้อ่านง่ายกว่าภาคที่แล้วเยอะ แต่อ่านๆไปก็จะแอบมีภาพของหนังสือชุด Twilight ของ Stephen Meyer แว้บเข้ามาในหัวเป็นบางจังหวะแบบงงๆตัวเอง น่าจะเพราะเรื่องนี้เป็นการเล่าถึงการต่อสู้กันกับพวกหมาป่า ฉากแอ๊คชั่นออกแบบมาดี มีการสร้างเซอร์ไพรส์หลายจุด (แต่เซอร์ไพรส์หลักพอเดาได้อยู่นะ) พระเอกคงคาแร็คเตอร์ความเย็นชาและโหดร้ายไว้ได้ แต่บทมีความรักขึ้นมาก็อ่อนโยนและทุ่มสุดตัวเหมือนกัน แต่ที่ประทับใจเรากว่าใคร คือตัวละครที่เราชอบมากอย่าง “มิตร” ที่กลับมามีบทบาทสำคัญในภาคนี้อีกครั้ง แม้จะเริ่มต้นมาแบบติงต๊องไม่ตรงกับภาพในหัวที่เราคิดไว้เท่าไหร่ แต่มิตรก็ยังคงเป็นมิตรที่ทำให้เราชอบมาก น้ำตาไหลตอนจบอ่ะบอกเลย
ให้คะแนน 9/10 ค่ะ